วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559


ที่มาและความหมายของ"สุขศึกษา"
         

               สุขศึกษา คือ กระบวนการเปลี่ยนแปลงซึ่งเกิดขึ้นในตัวบุคคล การเปลี่ยนแปลงนี้สัมพันธ์กับความสัมฤทธิ์ผลส่วนบุคคลและส่วนชุมชนตามเป้าหมายทางสุขภาพอนามัย สุขศึกษาไม่สามารถที่จะหยิบยื่นให้บุคคลอื่นโดยบุคคลหนึ่งได้ สุขศึกษาเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงพลวัตรที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา โดยบุคคลอาจยอมรับหรือไม่ยอมรับข้อมูล เจตคติ และการปฏิบัติใหม่ๆ ซึ่งเกี่ยวกับเป้าหมายของการมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขก็ได้
            W.H.O. Technical Report No.89 ให้ความเห็นว่า สุขศึกษาก็เช่นเดียวกับการศึกษาทั่วๆไป คือ เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงความรู้ ความสามารถและพฤติกรรมของบุคคล สุขศึกษาจะเน้นที่การพัฒนาการปฏิบัติทางสุขภาพอนามัย ซึ่งเชื่อว่าจะก่อให้เกิดสภาวะความเป็นอยู่ที่สมบูรณ์ที่สุด
            Mayhew Derryberry ให้ความหมายสุขศึกษาไว้ง่ายๆ เพื่อให้บุคคลทั่วไปเข้าใจดังนี้ สุขศึกษาเป็นการเปลี่ยนแปลงความรู้ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ เจตคติที่มีต่อการป้องกันและรักษา และการปฏิบัติทางสุขภาพอนามัย ตลอดจนนิสัยในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นผลจากประสบการณ์หลายๆอย่างของบุคคลนั้น ดังนั้น สุขศึกษาจึงไม่ใช่กิจกรรมที่จะทำโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเท่านั้น แต่เป็นปฏิกิริยาตอบสนองของประชาชนที่มีต่อประสบการณ์ทางด้านสุขภาพทั้งหมดของเขา
          
 ความสำคัญของสุขศึกษา
         
          1. สุขภาพมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ หากนักเรียนได้เรียนรู้หลักการต่างๆ เกี่ยวกับสุขภาพ จะทำให้นักเรียนมีความรู้ เจตคติ และการปฏิบัติที่ดีและถูกต้อง ทั้งยังสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขอีกด้วย
          2.การสอนสุขศึกษาที่ดีและถูกต้อง มีส่วนช่วยให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เพราะนักเรียนมีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง ถ้านักเรียนมีสุขภาพไม่สมบูรณ์ จะทำให้การเรียนไม่ดีเท่าที่ควร
          3. การสอนสุขศึกษาในโรงเรียน มีความเชื่อถือได้มากกว่าความรู้ที่นักเรียนได้รับมาจากแหล่งอื่นๆ เช่น จากเพื่อน ผู้ปกครองและบุคคลอื่นๆ ซึ่งเป็นความรู้ที่ไม่มีหลักฐานยืนยัน เป็นความรู้ที่ได้รับการอบรมถ่ายทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ซึ่งมีโอกาสก่อให้เกิดอันตรายได้
          4. การสอนสุขศึกษาให้แกนักเรียนซึ่งอยู่ในวัยเด็ก มีแนวโน้มที่จะเชื่อถือและปฏิบัติตามคำแนะนำได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ ฉะนั้น การให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่เด็ก จึงเป็นการช่วยให้เด็กได้เรียนรู้หลักการเกี่ยวกับสุขภาพตั้งแต่แรกเริ่ม และจะนำไปดัดแปลงใช้ในชีวิตประจำวันของตัวเองและครอบครัวได้เร็วและมากยิ่งขึ้น

          5. ในวงการศึกษาเชื่อว่า ความรู้หรือประสบการณ์บางอย่างของเด็ก สามารถถ่ายทอดไปสู้ผู้ใหญ่ได้ ถ้าหากความรู้นั้นถูกต้องและสามารถปฏิบัติให้เห็นจริงได้ ฉะนั้น การสอนสุขศึกษาให้แก่นักเรียน ก็เป็นวิธีหนึ่งของการให้สุขศึกษาแก่ชุมชน

ประเภทและองค์ประกอบสุขศึกษา

หมวดที่ 1   การบริหารจัดการองค์กร  ประกอบด้วย

  องค์ประกอบที่ 1   นโยบายการดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ (ระยะดำเนินการ  ต.ค. 52  - ธ.ค. 52)
  องค์ประกอบที่ 2   ทรัพยากรการดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรสุขภาพ (ระยะดำเนินการ  ต.ค. 52  -  ธ.ค. 52)
  องค์ประกอบที่ 3   ระบบข้อมูลข่าวสารสนเทศด้านสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ   (ระยะดำเนินการ  พ.ย. 52  - ม.ค. 52)     ข้อมูลพฤติกรรมสุขภาพ  สภาวะสุขภาพของประชาชนเป็นโจทย์ตัวเลขของการดำเนินงานของหมวดที่ 2   และการพัฒนาวิชาการ     สำหรับหมวดที่ 3    มีศูนย์สื่อสนับสนุน  และมีเครือข่ายสุขภาพร่วมดำเนินการ ข้อมูลจะมีความสัมพันธ์กันอย่างเป็นระบบต่อเนื่อง

หมวดที่ 2   กระบวนการดำเนินงาน  ประกอบด้วย
  องค์ประกอบที่ 4   แผนการดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ   
  องค์ประกอบที่ 5   กิจกรรมสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ  
  องค์ประกอบที่ 6  การติดตามสนับสนุนการดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ เป็นการติดตามสนับสนุนให้การจัด
  องค์ประกอบที่ 7  การประเมินผลการดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ   เป็นการประเมินตามวัตถุประสงค์ของ          แผนงานโครงการ  โดยระบุการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพ

หมวดที่  3   กระบวนการพัฒนาคุณภาพบริการ   ประกอบด้วย
  องค์ประกอบที่ 8  การเฝ้าระวังพฤติกรรมสุขภาพ   เป็นข้อมูลสำหรับการดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพเพื่อการ     จัดกิจกรรมการเรียนรู้และการพัฒนาทักษะที่ถูกต้อง 
  องค์ประกอบที่ 9  การวิจัยที่เกี่ยวกับสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ   เป็นการศึกษากระบวนการดำเนินงานและปัจจัยที่มี     ผลต่อการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ

หมวดที่ 4   ผลลัพธ์การดำเนินการ    ประกอบด้วย
  องค์ประกอบที่ 10   ผลลัพธ์การดำเนินงานสุขศึกษาและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ  

บทสรุป   การพัฒนางานสุขศึกษา  จึงเป็นการจัดกระบวนการดำเนินงานแก้ไขปัญหาสาธารณสุขให้มีความชัดเจน ขึ้น  โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมที่เหมาะสมต่อการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ  ที่จะนำไปสู่การลดอัตราป่วยตายจากโรคติดต่อ  และโรคไม่ติดต่อ  ลดภาวะแทรกซ้อนในกลุ่มผู้ป่วยเรื้อรัง  ทั้งยังเป็นการทำงานแบบมีส่วนร่วมกับเครือข่ายสุขภาพ  


            

ทฤษฎีสุขศึกษา

              - การจูงใจ ( Motivation Phase) การคาดหวังของผู้เรียนเป็นแรงจูงใจในการเรียนรู้
             - การรับรู้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ (Apprehending Phase) ผู้เรียนจะรับรู้สิ่งที่สอดคล้อง
                กับความตั้งใจ
             - การปรุงแต่งสิ่งที่รับรู้ไว้เป็นความจำ ( Acquisition Phase) เพื่อให้เกิดความจำระยะสั้น
                และระยะยาว
             - ความสามารถในการจำ (Retention Phase)
             - ความสามารถในการระลึกถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปแล้ว (Recall Phase )
             - การนำไปประยุกต์ใช้กับสิ่งที่เรียนรู้ไปแล้ว (Generalization Phase)
             - การแสดงออกพฤติกรรมที่เรียนรู้ ( Performance Phase)
             - การแสดงผลการเรียนรู้กลับไปยังผู้เรียน ( Feedback Phase) ผู้เรียนได้รับทราบ

หลัสูตรการศึกษาสุขศึกษาและพละศึกษา

            การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ ผู้เรียนจะได้เรียนรู้เรื่องธรรมชาติของการเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโต ความสัมพันธ์เชื่อมโยงในการทำงานของระบบต่างๆของร่างกาย รวมถึงวิธีปฏิบัติตนเพื่อให้เจริญเติบโตและมีพัฒนาการที่สมวัยเนื้อหาหรือขอบข่ายองค์ความรู้ของกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ประกอบด้วย

  • ชีวิตและครอบครัว ผู้เรียนจะได้เรียนรู้เรื่องคุณค่าของตนเองและครอบครัว การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงทางร่าง กาย จิตใจ อารมณ์ ความรู้สึกทางเพศ การสร้างและรักษาสัมพันธภาพกับผู้อื่น สุขปฏิบัติทางเพศ และทักษะในการดำเนินชีวิต
  • การเคลื่อนไหว การออกกำลังกาย การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากล ผู้เรียนได้เรียนรู้เรื่องการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ การเข้าร่วมกิจกรรมทางกายและกีฬา ทั้งประเภทบุคคลและประเภททีมอย่างหลากหลาย ทั้งไทยและสากล การปฏิบัติตามกฎ กติกา ระเบียบ และข้อตกลงในการเข้าร่วมกิจกรรมทางกายและกีฬา และความมีน้ำใจนักกีฬา
  • การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค ผู้เรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับหลักและวิธีการเลือกบริโภคอาหาร ผลิตภัณฑ์และบริการสุขภาพ การสร้างเสริมสมรรถภาพเพื่อสุขภาพและการป้องกันโรคทั้งโรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อ
  • ความปลอดภัยในชีวิต ผู้เรียนจะได้เรียนรู้เรื่องการป้องกันตนเองจากพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ ทั้งความเสี่ยงต่อสุขภาพ อุบัติเหตุ ความรุนแรง อันตรายจากการใช้ยาและสารเสพติด รวมถึงแนวทางในการสร้างเสริมความปลอดภัยในชีวิต

การนำไปใช้ และตัวอย่างการใช้ประโยชน์


  •        
      คนเราจะมีความสุขอย่างแท้จริง ก็ต้องดำเนินชีวิตให้ถูกต้อง คือ จะต้องปฏิบัติถูกต้องต่อชีวิตของตนเอง และต่อสภาพแวด ล้อม ทั้งทางสังคม ทางธรรมชาติ และทางวัตถุโดยทั่วไป รวมทั้งเทคโนโลยี คนที่รู้จักดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง ย่อมมีชีวิตที่ดีงามและมีความสุขที่แท้จริง ซึ่งหมายถึง การมีความสุขที่เอื้อต่อการเกิดมีความสุขของผู้อื่นด้วย ซึ่งมีตัวอย่าง ดังนี้
    • สร้างเสริมสุขนิสัยที่ดี ในเรื่องการรับประทานอาหาร การพักผ่อนนอนหลับ การรักษาความสะอาดอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย รวมถึงการเล่นและการออกกำลังกาย ตามข้อกำหนดสุขบัญญัติแห่งชาติ (National Health Disciplines) 10 ประการ ที่เด็กและเยาวชน ตลอดจนประชาชนทั่วไป พึงปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอจนเป็นสุขนิสัย เพื่อให้มีสุขภาพดีทั้งร่างกาย จิตใจ และสังคม ดังนี้
      • - ดูแลรักษาร่างกายและของใช้ให้สะอาด
      • - รักษาฟันให้แข็งแรงและแปรงฟันทุกวันอย่างถูกต้อง
      • - ล้างมือให้สะอาดก่อนกินอาหารและหลังการขับถ่าย
      • - กินอาหารสุก สะอาด ปราศจากสารอันตราย และหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด สีฉูดฉาด
      • - งดบุหรี่ สุรา สารเสพติด การพนัน และการสำส่อนทางเพศ
      • - สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวให้อบอุ่น
      • - ป้องกันอุบัติภัยด้วยการไม่ประมาท
      • - ออกกำลังกายสม่ำเสมอและตรวจสุขภาพประจำปี
      • - ทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใสอยู่เสมอ
      • - มีสำนึกต่อส่วนรวม ร่วมสร้างสรรค์สังคม
    • พัฒนาทักษะชีวิต (Life Skills) ด้วยการเปิดโอกาสให้ลูกได้เผชิญสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันอย่างมีประสิทธิภาพ ฝึกและทำซ้ำๆให้เกิดความคล่องแคล่ว เคยชิน จนเป็นลักษณะนิสัย เพื่อสร้างเสริมทักษะต่างๆ ได้แก่ การรู้จักตนเอง เข้าใจตนเอง และเห็นคุณค่าของตนเอง การรู้จักคิดอย่างมีวิจารณญาณ คิดสร้างสรรค์ คิดตัดสินใจ คิดแก้ปัญหา รู้จักแสวงหาและใช้ข้อมูลความรู้ การสื่อสารและการสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่น การจัดการกับอารมณ์และความเครียด การปรับ ตัวท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง การตั้งเป้าหมาย การวางแผนและดำเนินการตามแผน ความเห็นใจผู้อื่น ความรับผิดชอบต่อสังคมและซาบซึ้งในสิ่งที่ดีงามรอบตัว
    • เสริมสร้างน้ำใจนักกีฬา (Spirit) ให้เกิดเป็นคุณธรรมประจำใจของการเล่นร่วมกัน อยู่ร่วมกัน และมีชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างปกติสุขและมีประสิทธิภาพ พฤติกรรมที่แสดงถึงความมีน้ำใจนักกีฬา เช่น การมีวินัย เคารพกฎกติกา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย

แหล่งอ้างอิ



ประวัติผู้จัดทำ

ข้อมูลส่วนตัว

              ชื่อ                                                      :นางสาวน้ำฝน

              ชื่อเล่น                                                : น้องเล็ก

              ID LINE                                             : ankc__

             FACEBOOK                                      : น้อง'เล็ก

ข้อมูลการศึกษา

             จบประถมศึกษาปีที่ 6                           จากโรงเรียนตชด.บ้านเขาฉลาด

             จบมัธยศึกษาตอนต้นปีที่ 3                   จากโรงเรียนสะตอวิทยาคม รัชมังคลาภิเษก

             กำลังศึกษามัธยมตอนปลายปีที่ 6        ที่โรงเรียนสะตอวิทยาคม รัชมังคลาภิเษก

ข้อมูลการทำงาน

            ตอนนี้เรียนอยู่ไม่ได้ทำงาน

            เลิกเรียนก็ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน-กวาดบ้าน

           -ล้างจาน

           -หุงข้าว